top of page

การรักษามะเร็งด้วยวิธี รังสีร่วมรักษา

Nan Ah

รังสีร่วมรักษา รังสีร่วมรักษา เป็นวิธีรักษาโดยใช้เครื่องมือตรวจพิเศษส่องให้เห็นพยาธิสภาพภายในร่างกาย ซึ่งช่วยให้แพทย์มองเห็นภายในได้อย่างชัดเจนขึ้น แพทย์ที่ทำหน้าที่ในการตรวจและรักษาโดยเทคนิคของรังสีร่วมรักษา คือ รังสีแพทย์ที่ผ่านการอบรมในสาขาวิชารังสีวินิจฉัย หรือรังสีวิทยาทั่วไป และได้รับวุฒิบัตรหรืออนุมัติบัตร ซึ่งรังสีแพทย์จะทำการฝึกอบรมเพิ่มเติม (Fellowship Training)ในสาขาวิชารังสีร่วมรักษาก่อน จึงจะสามารถให้การตรวจรักษาผู้ป่วยด้วยเทคนิคของรังสีร่วมรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ข้อได้เปรียบของแพทย์รังสีร่วมรักษา คือ แพทย์สาขานี้มีความสามารถในการแปลผลจากภาพ X – Rayหรือภาพจากเครื่องมืออย่างอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เช่น อัลตร้าซาวด์ ( Ultrasound ), เอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT – Scan) ได้เป็นอย่างดี ทำให้รู้ตำแหน่งของโรคได้แม่นยำ ซึ่งถ้ามีก้อนผิดปกติอยู่ในท้อง แพทย์รังสีร่วมรักษาจะสามารถบอกตำแหน่งของก้อนได้อย่างชัดเจนว่าก้อนผิดปกตินั้นอยู่ในตับ , ตับอ่อน , ม้าม , ไต , ลำไส้ หรือด้านหลังช่องท้อง (Retro-peritoneum) เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถบอกได้ว่า ก้อนผิดปกตินั้นอยู่ใกล้กับอวัยวะใด และจะเกิดผลตามมาอย่างไร และแนวทางการรักษา สามารถทำได้โดยวิธีทางรังสีร่วมรักษาได้หรือไม่ ต่อมาเมื่อทราบตำแหน่งของโรคแล้ว จะสามารถเอาชิ้นเนื้อออกมาตรวจ หรือทำการรักษาโรคนั้นๆ ได้ โดยใช้วิธีแทงเข็มหรือใส่เครื่องมือผ่านทางผิวหนังลงไปที่ตำแหน่งของโรคโดยตรง (Per-cutaneous Technique) ซึ่งไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยาสลบ ใช้เพียงการฉีดยาชาเฉพาะที่ บริเวณผิวหนังเท่านั้น วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ช่วยลดผลข้างเคียงจากการผ่าตัด และการดมยาสลบ ลดระยะเวลาพักฟื้น รวมไปถึงลดค่าใช้จ่ายจากการตรวจรักษาอีกด้วย ตัวอย่างของหัตถการ (Procedures) ทางรังสีร่วมรักษา ได้แก่ + การดูดชิ้นเนื้อหรือสารน้ำมาตรวจ โดยใช้เครื่องมือทางรังสีเป็นตัวนำทาง [ Image–Guided Fine Needle Aspiration ] ในกรณีที่มีก้อนเนื้อ (Tumor) , ก้อนน้ำ (Cyst) หรือหนอง (Abscess) ในส่วนลึก ของร่างกาย ที่ต้องการทราบผลทางพยาธิวิทยา หรือต้องการนำไปตรวจหาชนิดของเชื้อโรค + การใส่สายระบายหนอง (Abscess) หรือก้อนน้ำ (Cyst) [ Percutaneous Drainage ] ในกรณีที่มีหนองหรือ Cyst อยู่ในส่วนลึกของร่างกาย อาทิ หนองในช่องปอด (Empyema, Loculated Pleural Effusion) , หนองในตับ (Liver Abscess) , หนองในช่องท้อง (Intraabdominal Abscess) เป็นต้น + การใส่สายระบายน้ำดี [ Percutaneous Transhepatic Biliary Drainage ] ในกรณีที่มีการอุดตันของท่อน้ำดี + การใส่สายระบายน้ำปัสสาวะ [ Percutaneous Nephrostomy ] ในกรณีที่มีการอุดตันของท่อปัสสาวะ การฉีดสีตรวจดูเส้นเลือด [Diagnostic Angiogram ] ในกรณีที่มีความผิดปกติของเส้นเลือด อาทิ เส้นเลือดตีบ ( Stenosis) , เส้นเลือดอุดตัน (Occlusion) , หรือเส้นเลือดโป่งพอง (Aneurysm) + การฉีดสารเข้าไปอุดเส้นเลือด [ Embolization ] เพื่อห้ามเลือดในกรณีที่มีเลือดออกมาก อาทิ ไอเป็นเลือด (Hemoptysis) , ถ่ายเป็นเลือด (GI-bleeding) , เลือดออกในอุ้งเชิงกราน (Pelvic Bleeding) + การรักษามะเร็งตับ (Transhepatic Oily Chemoembolization) การใช้บอลลูน [ Balloon Angioplasty ] หรือท่อสังเคราะห์ [Stent Placement ]เข้าไปถ่างขยายเส้นเลือด ในกรณีที่เส้นเลือดตีบ (Stenosis) + การฉีดยาละลายลิ่มเลือดโดยตรงเข้าไปในเส้นเลือดที่มีการอุดตันจากลิ่มเลือด [ Catheter -DirectedThrombolysis ]ในกรณีที่มีการอุดตันของเส้นเลือดจากลิ่มเลือด ซึ่งจะเห็นได้ว่ารังสีวิทยาเป็นวิธีการที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยได้อย่างมาก สามารถนำไปใช้ได้กับโรคที่เกิดกับอวัยวะเกือบทุกระบบ ทั้งในด้านการตรวจวินิจฉัยและการรักษา ============================================ บทความโดย : นายแพทย์เถลิงเกียรติ แจ่มอุลิตรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวิทยาทั่วไปและด้านรังสีร่วมรักษาส่วนลำตัวและด้านการตรวจหลอดเลือดด้วยเครื่องอัลตร้าซาวน์คลื่นความถี่สูง ศูนย์รังสีร่วมรักษากรุงเทพ ร.พ.นันอา ติดต่อนัดหมาย หรือ สอบถามข้อมูล +66 94 505 5454

ดู 27 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Hope for Liver Cancer Patients

In its early stages, liver cancer often shows no symptoms. However, as it progresses, symptoms such as fatigue, loss of appetite,...

Comments


bottom of page